คู้มือดูเเลระบบบำบัดน้ำเสียอาคาร
รุปคู่มือ ความรู้เกี่ยวกับระบบบำบัดน้ำเสียแบบ AS สำหรับอาคาร
AS (Activated Sludge)
- นิยมใช้ในอาคารขนาดใหญ่
- เป็นการบำบัดน้ำเสียทางชีวภาพประเภทใช้อากาศ
- มีประสิทธิภาพในการย่อยสลายมลพิษ
แบ่งหัวข้อ
- มีอะไรในน้ำเสียบ้าง
- เมื่อเกิดน้ำเสียแล้วจะทำอย่างไร
- ทำความรู้จักระบบ AS
- ปัจจัยที่มีผลต่อการทำงานระบบ AS
- วิธีควบคุมระบบบำบัดน้ำเสีย AS
- ปัญหาที่พบบ่อยและแนวทางแก้ไข
- ข้อคำนึงและการบำรุงรักษาระบบน้ำเสีย
- การวิเคราะห์ปัญหาระบบน้ำเสียอาคารและการปรับปรุง
1.มีอะไรบ้างในน้ำเสีย
1.1น้ำเสียมีอะไรบ้าง
น้ำเสียเป็นน้ำเสียชุมชน ส่วนใหญ่มาจาก การประกอบกิจกรรมของผู้ที่อยู่อาศัย จากการประกอบอาหาร การชำระล้างต่างๆ
คุณลักษณะ ใช้วัดน้ำเสีย(Parameter)
- pH บอกความเป็นกรด-ด่าง
- BOD (Biochemical Oxygen Demand) บอกปริมาณออกซิเจนที่จุลินทรีย์ใช้ในการย่อยสลายสารอินทรีย์
- ปริมาณของแข็ง คือปริมาณสารต่างๆ ที่มีอยู่ในน้ำเสียทั้งละลายน้ำและไม่ละลายน้ำ
- ไนโตรเจน เป็นหนึ่งในสารอาหาร จำเป็นต่อการสร้างเซลล์สิ่งมีชีวิตในน้ำเสีย
- ไขมันและน้ำมัน ได้แก่ ไขมันและน้ำมันที่ได้จากพืชและสัตว์ จากการทำอาหาร, สบู่จากการอาบน้ำ
- COD (Chemical Oxygen Demand) ค่าปริมาณออกซิเจนใช้ในการย่อยสารอินทรีย์ด้วยวิธีการทางเคมี
1.2 ปริมาณน้ำเสีย
ปริมาณน้ำเสียที่ปล่อยทิ้ง จะมีค่าร้อยละ 80 ของปริมาณน้ำใช้โดยประมาณ หรือสามารถประเมินได้จากจำนวนประชากรหรือพื้นที่อาคาร
- การประมาณปริมาณน้ำเสียจากอาคาร คำนวณได้ 2 วิธี
- คิดจากจำนวนคนที่อยู่อาศัย(คิดตามหน่วยต่อคน)
- คิดจากอัตราการมใช้น้ำประปา (น้ำที่ใช้ x 0.65 ถึง 0.90)
2.1 เกิดน้ำเสียแล้วทำยังไง
โดยธรรมชาติน้ำเสียเกิดแล้วจะย่อยสลายตามธรรมชาติ แต่น้ำเสียจากชุมชนมีความสกปรกสูง ทำให้จุลินทรีย์ ไม่สามารถย่อยสลายได้ทัน จึงมีกฎหมายกำหนดมลพิษที่ปล่อยน้ำเสีย
ตารางแสดง ขนาดและประเภทของอาคารที่กำหนดมาตรฐานระบายน้ำทิ้ง
ตารางแสดงมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากอาคารขนาดต่างๆ
การเก็บน้ำตัวอย่างทำได้โดย เก็บ ณ จุดระบายน้ำออกสู่สิ่งแวดล้อมนอกเขตพื้นที่อาคาร หรือจุดที่ระบายปล่อยสู่แหล่งน้ำ (มีจุดระบายน้ำหลายจุดก็เก็บทุกจุด)
3.ระบบAS คือ
หลักการทำงาน
เป็นระบบบัดน้ำเสียแบบตะกอนเร่ง เป็นการบำบัดทางชีวภาพ ใช้จุลินทรีย์แบบใช้อากาศ ในการย่อยสลายสิ่งเจือปนในน้ำเสีย สามารถลดค่าความสกปรกของน้ำเสียได้ และมีประสิทธิภาพในการบำบัดที่สูง แต่การใช้ระบบนี้จะมีความยุ่งยากซับซ้อนอยู่ จึงจำเป็น ต้องมีการกำหนดสภาวะแวดล้อม ลักษณะทางกายภาพต่างๆ ให้เหมาะสมแก่การทำงาน และต้องเพิ่มจำนวนของจุลินทรีย์ เพื่อให้ระบบมีประสิทธิภาพในการบำบัดที่สูง
ระบบ AS จำเป็นต้องมีออกซิเจนสำหรับจุลินทรีย์ เพื่อใช้ในการย่อยอาหาร โดยอาหารของของสารอินทรีย์คือ สารคาร์บอนอินทรีย์ ไนโตรเจน และฟอสฟอรัส ความสกปรกเหล่านี้จะถูกย่อยสลายเพื่อใช้ในการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์เกิดเป็นเซลล์ใหม่ โดยมีสมการย่อยสลายเหมือนกันมนุษย์
จากสมการขั้นต้นทำให้รู้ว่า การกำจัดน้ำเสียด้วยวิธีการนี้ต้องอาศัยปัจจัย ได้แก่
- มีปริมาณจุลินทรีย์ให้เพียงพอ
- มีปริมาณออกซิเจนในน้ำที่เพียงพอ
- มีกระบวนการแยกจุลินทรีย์ออกจากน้ำหลังการบำบัด เพื่อแยกสิ่งสกปรกกับน้ำที่ผ่านการบำบัดแล้ว
ส่วนประกอบของระบบ AS
มีอย่างน้อย 4 ส่วน คือ
- ถังเติมอากาศ
- ถังตกตะกอน
- ระบบหมุนเวียนตะกอน
- ระบบระบายตะหอนส่วนเกิน
กรณีน้ำเสียมีตะกอนแขวนลอยสูงอาจจะต้องเพิ่มถังตกตะกอนอีก 1 ใบ ไว้หน้าถังเติมอากาศ เพื่อกำจัดตะกอนออกก่อน
หน้าตาของระบบ AS
ถังเติมอากาศมีหน้าที่ เป็นถังเลี้ยงจุลินทรีย์ที่ใช้ O2 ให้กินสารอินทรีย์ในน้ำเสียเป็นอาหารหลังการบำบัดจุลินทรีย์ที่มีในระบบถือเป็นสิ่งสกปรก จึงต้องมีการแยกจุลินทรีย์ออกจากน้ำก่อนโดยถังตกตะกอน เครื่องเติมอากาศสามารถใช้แบบแอเรเตอร์หรือแบบเป่าอากาศให้กับน้ำได้ เครื่องเติมอากาศเป็นอุปกรณ์สำคัญสำหรับเพิ่มออกซิเจนให้จุลินทรีย์ใช้ย่อยสลายความสกปรกในน้ำเสีย ทำให้จุลินทรีย์สามารถสัมผัสกับน้ำเสียได้อย่างทั่วถึง จุลินทรีย์ที่ทำงานได้ดี จะเป็นตะกอนแขวนลอยสีน้ำตาลและตกตะกอนได้ดีแต่หากมีการหยุดเติมอากาศ ถังตกตะกอนจะไม่สามารถแยกจุลินทรีย์ออกจากน้ำได้ เป็นเหตุให้การกำจัดน้ำเสียไม่ได้ผลเท่าที่ควรเมื่อแยกจุลินทรีย์แล้ว น้ำใสจะล้นออกทางขอบบน ตะกอนจุลินทรีย์จะจมลงสู่ก้นถังตกตะกอน และจะถูกส่งกลับไปให้ถังเติมอากาศ เพื่อรักษาระดับความเข้มข้นของจุลินทรีย์ให้มีระดับเพียงพอสำหรับกำจัดน้ำเสียทั้งหมด เนื่องจากแบคทีเรียมีการเพิ่มจำนวนตลอดเวลาจึงต้องมีการระบายตะกอนจุลินทรีย์ส่วนเกินทิ้งบ้าว ซึ่งสามารถระบายทิ้งได้จากก้นถังตกตะกอนหรือ จากถังเติมอากาศ ตามความเหมาะสม
รูปส่วนประกอบของจุลินทรีย์ในระบบ AS
จะสรุปได้ว่าวัตถุประสงค์ของการบำบัดน้ำเสียแบบ AS สามารถลดมลสารอินทรีย์ที่มีอยู่นน้ำเสียให้มากที่สุดในเวลาอันสั้น วิธีนี้มีประสทธิภาพในการทำงานสูงกว่าร้อยละ 90 และน้ำที่ผ่านการบำบัดสามารถทิ้งลงคลองได้
ข้อควรรู้เกี่ยวกับระบบ AS
- ระยะเวลาที่อยู่ในถังเติมอากาศประมาณ 6-12 ชั่วโมง ถังลึก 3-6 เมตร หลังจากนั้นค่อยปล่อยน้ำเสียเข้า
- ถังตกตะกอนทำหน้าที่แยกเชื้อจุลินทรีย์ออกจากน้ำเสีย ตะกอนจุลินทรีย์ส่วนหนึ่งถูกส่งยังถังเติมอากาศใหม่ เพื่อเป็นเชื้อในการบำบัดต่อไป ส่วนตะกอนจุลินทรีย์ที่เหลือถูกส่งไปยังระบบกำจัดสลัดจ์
- การเลี้ยงเชื้อจุลินทรีย์ให้รักษาความเข้มข้น MLSS 1500-3000 มิลลิกรัม/ลิตร ในถังเติมอากาศ
- อัตราส่วนอาหารต่อจุลินทรีย์ (F/M) ระหว่าง 0.25-0.5 กรัมบีโอดี/กรัมตะกอน-วัน
- ถังตกตะกอนควรเป็นแบบถังกลมพร้อมใบกวาด มีระยะตกตะกอนนานไม่ต่ำกว่าประมาณ 6 ชั่วโมง
- การตรวจสอบที่ควรกระทำที่สภาวะควบคุมต่างๆ ที่เหมาะสม เช่น ปริมาณออกซิเจนที่ละลายน้ำ,SRT,F/M ระบบจึงทำงานได้ดีที่สุด
- การตรวจสอบถังเติมอากาศของระบบAS วัดทั้งความสามารถในการกำจัดสารอินทรีย์ ลักษณะการจมตัวขิงสลัดจ์ ที่อยู่ในถังเติมอากาศ โดยต้องคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ ที่มีผลกระทบต่อลักษณะของสลัดจ์ เช่นการปรับระดับการเติมอากาศ อัตราการหมุนเวียนสลัดจ์ อัตราการทิ้งสลัดจ์ ซึ่งจะเป็นตังกำหนดความเข้มข้นและลักษณะของสลัดจ์ โดยไม่มีผลต่อหน้าที่ในด้านการกำจัดสารอินทรีย์
ประเภทของระบบ AS แบ่งเป็น 4 ประเภท
- ระบบASแบบกวนสมบูรณ์
- ระบบASแบบปรับเสถียรสัมผัส
- ระบบคลองวนเวียน
- ระบบบำบัดน้ำเสียแบบเอลบีอาร์
ระบบ AS แบบกวนสมบูรณ์
ถังเติมอากาศต้องรักษาสภาพให้สามารถกวนให้น้ำและสลัดจ์ อยู่ในถังผสมเป็นเนื้อเดียวกันตลอดทั่วทั้งถังเติมอากาศ
ข้อดีคือ สามารถรองรับน้ำเสียที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วได้ดี เนื่องจากน้ำเสียจะกระจายไปทั่วถึง และสภาพแวดล้อมต่างๆ ในถังเติมอากาศก็มีค่าสม่ำเสมอทำให้จุลินทรีย์ชนิดต่างๆ ที่มีอยู่มีลักษณะเดียวกันตลอดทั้งถัง เช่นช่วงแอน็อกซิก เพื่อย่อยสลายไนโตรเจน