สารเคมีที่ใช้ในระบบบำบัดน้ำเสีย
สารเคมีสำหรับบำบัดน้ำเสีย
คำสำคัญ สารปรับสภาพน้ำ, สารช่วยตกตะกอน, สารฆ่าเชื้อ
ปัญหามลพิษทางน้ำในปัจุบันมีปริมาณสูงขึ้น การบำบัดน้ำเสียจากชุมชน และแหล่งอุตสาหกรรม
ให้มีคุณภาพดีขึ้นจึงเป็นสิ่งจำเป็นในการแก้ไขปัญหาทางหนึ่ง การปรับปรุงคุณภาพของน้ำมีด้วยกันหลาย
วิธี การใช้สารเคมีเป็นวิธีหนึ่งที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย เพราะสะดวกและให้ผลดี การเติมสารเคมีลงใน
น้ำมีจุดประสงค์ให้เกิดปฏิกิริยาทางเคมี เพื่อบำบัดน้ำที่มีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ คือ
1. มีกรดหรือด่างสูงเกินไป (มีค่า pH ต่ำหรือสูงเกินไป)
2. มีโลหะหนัก เช่น สังกะสี ตะกั่ว เหล็ก โครเมียม เป็นต้น
3. มีสารแขวนลอยขนาดเล็กที่ตกตะกอนได้ยาก
4. มีสารประกอบอนินทรีย์ละลายน้ำที่เป็นพิษ เช่น ซัลไฟด์
5. มีไขมันหรือน้ำมันละลายน้ำ
สำหรับสารเคมีที่ใช้ในการบำบัดน้ำเสีย ที่นิยมใช้ในปัจจุบันสามารถแบ่งได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ได้แก่
1. สารปรับสภาพน้ำ1
สารปรับสภาพน้ำ เป็นสารที่ใช้ในการปรับสภาพน้ำให้อยู่ในสภาพกรดหรือด่างที่เหมาะสม เช่น น้ำ
เสียที่เป็นกรดสามารถทำให้เป็นกลางได้โดยการเติมปูนขาว โซดาไฟ หรือโซดาแอซ ส่วนน้ำเสียที่เป็นด่าง
สามารถทำให้เป็นกลางได้โดยการเติมกรดชนิดต่าง ๆ เช่น กรดกำมะถัน (H2SO4) กรดเกลือ (HCl) เป็นต้น
นอกจากนี้โลหะหนักบางชนิด ได้แก่ สังกะสี ทองแดง ตะกั่ว แคดเมียม จะละลายน้ำได้ดีเมื่อมีค่า pH ต่ำ
ดังนั้นการแยกสารโลหะหนักทำได้โดยการเติมสาร เช่น โซดาไฟ หรือปูนขาวลงไปในน้ำเสีย จนมีค่า pH ที่
เหมาะสมทำให้โลหะหนักตกตะกอน และสามารถแยกออกจากน้ำได้ สำหรับการใช้สารตกตะกอนบางชนิด
ต้องมีการปรับสภาพน้ำให้เป็นกรดหรือด่างก่อนใส่สารลงไป เพื่อให้มีสภาวะที่เหมาะสมในการเกิด
ขบวนการตกตะกอน ทำให้เกิดการตกตะกอนสมบูรณ์ไม่กลับไปละลายในน้ำได้อีก
2. สารช่วยตกตะกอน
การตกตะกอนทางเคมีจัดเป็นขบวนการสำคัญในการปรับปรุงคุณภาพของน้ำ โดยสารช่วย
ตกตะกอนจะทำให้มีการเกาะกันเป็นกลุ่มใหญ่ของอนุภาคคอลลอยด์ ทำให้อัตราเร็วในการตกตะกอนเร็ว
ยิ่งขึ้น สารเคมีที่นิยมใช้ได้แก่
2.1 Ammonium alum และ Potassium alum5,6 คือ เกลือเชิงซ้อนของสารประกอบที่มี ธาตุ
อะลูมิเนียม และ ซัลเฟต เป็นส่วนประกอบหลัก หรือ รู้จักกันในนามว่าสารส้ม (alum) หรือ ผลึกเกลือ มีสูตร
ทางเคมีทั่วไปคือ [M(I)M,( III ) (SO4)2 . 12H2O] แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ
2.1.1. เกลือซัลเฟตของอะลูมิเนียมหรืออะลูมิเนียมซัลเฟต [Al2(SO4)3. xH2O] ลักษณะ
เป็น ก้อนผงสีขาว
2.1.2. เกลือเชิงซ้อนของโพแทสเซียมหรือโพแทสเซียมอะลัม [Al2(SO4)3 . K2SO4 . 24H2O]
ลักษณะเป็นผลึกใสไม่มีสี
2.1.3. เกลือเชิงซ้อนของแอมโมเนียมหรือแอมโมเนียมอะลัม [Al2(SO4)3 . (NH4)2SO4 .
24H2O] ลักษณะเป็นผลึกใสไม่มีสี
โดยสารส้มเมื่อละลายน้ำจะแตกตัวให้Al+3, SO4
2-และสารเชิงซ้อน (complex) ซึ่งเกิดจากการ
ไฮโดรไลซิสของอะลูมิเนียม เช่น Al(OH)2
+, Al(OH)3, Al(OH)4
- ผลิตภัณฑ์ของการไฮโดรไลซิสบางตัวจะ
รวมกันเป็นลูกโซ่ยาวของ Polymeric aluminium hydroxide ซึ่งมีประจุมากขึ้น พวกที่เกิดซึ่งมีประจุบวก
อาจจะรวมกับคอลลอยด์ซึ่งมีประจุลบ เพื่อทำให้ประจุบนอนุภาคคอลลอยด์สะเทินทำให้เกิด
Agglomeration ของคอลลอยด์เกิดเป็นก้อนใหญ่ขึ้น การตกตะกอนก็จะเกิดเร็วขึ้น
2.2. โพลิอะลูมิเนียมคลอไรด์ 2,7หรือชื่อในภาษาอังกฤษว่า Poly Aluminium Chloride หรือเรียก
ย่อ ๆ ว่า “PAC” เป็นเกลืออะลูมิเนียมที่มีสูตรเคมี คือ [Aln(OH)mCl(6-n)]m ประเภทสารโพลิอนินทรีย์ ซึ่ง
เกิดจากการรวมตัวโดยนิวเคลียสหลายตัว(โมเลกุลใหญ่) เช่น (Al6(OH)15)3+ สารโพลิดังกล่าวนี้มีความเป็น
ด่างหรือเบสิกซิตี้สูง ( เบสิกซิตี้หมายถึง ค่าเฉลี่ยของไฮดรอกไซด์อิออนต่ออะลูมิเนียม m/n) และประจุไฟฟ้า
บวกมีคุณสมบัติจับตัวสูงและมีเสถียรภาพมาก ลักษณะทั่วไปของ PAC อาจอยู่ในรูปของสารละลายใส
หรือขุ่นเล็กน้อย และอาจอยู่ในรูปของผงละเอียดสีขาว PAC ทำให้สารต่างๆ ที่แขวนลอยในน้ำจับตัวกันได้
โดยตะกอนสกปรกในน้ำที่มีประจุเป็นลบ จะรวมตัวกับประจุไฟฟ้าบวกของ PAC ในทุกขนาดของอนุภาค
ตะกอน PAC มีโครงสร้างโมเลกุลใหญ่ และมีหลายนิวเคลียสทำให้เกิดตะกอนหนัก จึงสามารถตกตะกอน
ได้อย่างรวดเร็ว
2.3 Ferric chloride (FeCl3) 4 ส่วนใหญ่นำมาใช้ในรูปของสารละลายเจือจาง โดยใช้เป็นสารช่วย
จับตะกอน(flocculating agent) และสารตกตะกอน(precipitating agent) ในระบบบำบัดน้ำ โดย FeCl3 จะทำ
ปฏิกิริยากับความเป็นด่างในน้ำเกิดเป็น Fe(OH)3ซึ่งจะทำหน้าที่ดูดซับของแข็งที่มีขนาดเล็กและอนุภาคของ
คอลลอยด์ FeCl3 มีประสิทธิภาพที่ดีโดยเฉพาะในการตกตะกอนสารโลหะหนัก และซัลไฟด์ นอกจากนี้ใน
กรณีของน้ำมันและสาร โพลิเมอร์ที่ยากต่อการย่อยสลาย ก็สามารถถูกดูดซับบน Fe(OH)3) ได้
3. สารฆ่าเชื้อ
การใส่สารฆ่าเชื้อในการบำบัดน้ำเสีย ก็เพื่อทำลายเชื้อโรคที่ปะปนอยู่ในน้ำ นอกจากนี้ สารฆ่าเชื้อ
บางตัวยังสามารถกำจัดกลิ่น หรือโลหะที่ไม่ต้องการออกไปได้ สารฆ่าเชื้อที่ใช้มีอยู่ด้วยกันหลายชนิด เช่น
3.1 คลอรีน1 โดยทั่วไปคลอรีนที่ใช้เพื่อการฆ่าเชื้อโรคได้แก่ ก๊าซคลอรีน(Cl2), แคลเซียมไฮโปคลอ
ไรท์ [Ca(OCl)2]โซเดียมไฮโปคลอไรท์ (NaOCl) และคลอรีนไดออกไซด์ (ClO2) เนื่องจาก คลอรีนมี
ความสามารถในการออกซิไดส์สูง จึงมีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อโรคได้ดีเพราะสามารถทำลายระบบ
enzyme และระบบการสังเคราะห์โปรตีนได้ การเติมคลอรีน ซึ่งเรียกว่ากระบวนการ Chlorination เป็น
กระบวนการเติมก๊าซคลอรีนหรือสารประกอบคลอรีนลงในน้ำเพื่อฆ่าเชื้อโรค เป็นการป้องกันการ
แพร่กระจายของเชื้อโรคที่มีน้ำเป็นสื่อ นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ในการออกซิไดส์ เหล็ก แมงกานีส
ไฮโดรเจนซัลไฟด์ สารอินทรีย์บางชนิด ซึ่งเป็นตัวที่ทำให้เกิดสีและกลิ่นในน้ำ ควบคุมการเกิดสาหร่ายทะเล
และช่วยในการตกตะกอนเป็นต้น ก๊าซคลอรีน แคลเซียมไฮโปคลอไรท์และโซเดียมไฮโปคลอไรท์เป็นตัวเติม
ออกซิเจนอย่างแรง (Oxidizing agent) เมื่อเติมคลอรีนลงน้ำจะเกิดปฏิกิริยาให้ HOCl และ OCl- ซึ่งมี
ประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อโรคได้ดี
3.2 โอโซน3 (O3) โอโซนเป็นสารออกซิไดซ์ที่รุนแรงสามารถฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ได้หลายชนิด รวมทั้ง
เชื้อไวรัสของโรคไข้หวัดใหญ่ (influenza) โรคโปลิโอ (poliomyeligis) และเชื้อบิด Endamoeba histolytica
โอโซนสามารถสลายตัวได้ง่ายและเปลี่ยนเป็นออกซิเจน เมื่อสัมผัสกับสารรีดิวส์หรือใช้โลหะทรานซิชั่นเป็น
ตัวเร่ง จากสมบัติดังกล่าวจึงมีการนำโอโซน มาบำบัดน้ำเสียจากชุมชนและน้ำทิ้งจากโรงงาน โอโซน
สามารถออกซิไดซ์โลหะหนักต่างๆให้อยู่ในรูปตะกอนที่ไม่ละลายน้ำเช่น Pb2+ Cd2+ , Hg2+ , Mn2+ เป็นต้น
Pb2++2O3 → ↓PbO2 + 2O2
โอโซนสามารถลดปริมาณสารลดแรงตึงผิว ทั้งประเภท แคตไอออนิก แอนไอออนิกและนอนไอออนิกที่เป็น
ปัจจัยที่ทำให้น้ำเน่าเสีย นอกจากนี้ยังสามารถออกซิไดซ์สารที่ทำให้เกิดกลิ่นในน้ำเสียและน้ำทิ้งเช่น
แอมโมเนีย ไฮโดรเจนซัลไฟด์ ไดเมทิลซัลไฟด์เป็นต้น
สารเคมีที่ใช้ในการบำบัดน้ำทั้ง 3กลุ่ม โดยมากจะใช้ร่วมกัน โดยในขั้นตอนแรกจะเป็นการปรับ
สภาพน้ำให้อยู่ในสภาพที่เหมาะสมสำหรับการตกตะกอน ต่อจากนั้นจึงเติมตัวตกตะกอนลงไปให้เกิดการ
ตกตะกอน แล้วจึงกำจัดตะกอนที่ตกลงมาออกจากน้ำ ขั้นต่อไปเติมสารฆ่าเชื้อเพื่อฆ่าเชื้อโรค จากนั้นเติม
สารปรับสภาพน้ำอีกครั้งเพื่อปรับสภาพน้ำให้เป็นกลาง ก่อนปล่อยลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ
เอกสารอ้างอิง
1. กรรณิกา สิริสิงห. เคมีของน้ำ น้ำโสโครก และการวิเคราะห์. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ ประยูรวงศ์. 2525
หน้า 107-142
2. โพลิอะลูมิเนียมคลอไรด์.2004(ออนไลน์) เข้าถึงได้จาก:http://www.charpa.co.th/bulletin/polyalum.html
3. วารสารกรมวิทยาศาสตร์บริการ ปีที่45 ฉบับที่145 กันยายน 2540 หน้า8-12.
4. วารสารกรมวิทยาศาสตร์บริการ ปีที่47 ฉบับที่151 กันยายน 2542 หน้า16-18
5. สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม.มาตรฐานผลิตภัณฑ์สารส้ม. มอก.165-2542หน้า1-2
6. Deodorant(Natural Alum) (ออนไลน์) เข้าถึงได้จาก:http://www.1personalcare.care/alum.html
7. .Japanese Industrial Standard. Poly aluminium chloride for waterworks. JIS K 1475-1996 p.1